วันเสาร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2565

ของกินห้ามพลาดของปารีส

 


1. มาการง
 (Macarons)

มาการงขนมหวานที่มีต้นกำเนิดอยู่ที่ฝรั่งเศส แล้วกลายเป็นขนมยอดนิยมของคนทั่วโลก ลักษณะคล้ายๆกับคุกกี้ แต่มีความเบา กรอบ ฟู เข้าปากทีแทบละลายในปาก ทำจากการผสมเมอแร็งก์กับไข่ขาว น้ำตาลไอซิ่ง น้ำตาลทรายขาว และแอลมอนด์ป่น ตรงกลางจะมีไส้ที่ส่วนมากจะเป็นกานัชหรือบัตเตอร์ครีมฝรั่งเศสนั้นนับว่ามีขนมหวานชนิดนี้ให้เลือกมากมายหลายรสชาติจนเลือกแทบไม่ถูก แถมแต่ละร้านหรือพื้นที่ก็จะมีเอกลักษณ์แตกต่างกันไป



2. ครัวซ็อง
 (Croissant)

ครัวซ็องนับเป็นขนมปังที่ขึ้นชื่อมากๆอย่างหนึ่งของฝรั่งเศส เห็นได้จากการครัวซ็องระดับพรีเมี่ยมส่วนใหญ่ตัวแป้งจะนำเข้าจากฝรั่งเศสทั้งนั้น ทั้งยังเป็นที่นิยมในมื้ออาหารเช้าของแถบยุโรป ด้วยตัวเนื้อแป้งบางๆถูกรีดเป็นชั้นๆผสมเนยสด ยิ่งกินตอนอบใหม่ๆยิ่งกรอบอร่อยมากเป็นพิเศษ ช่วงเช้าๆหากแวะเข้าร้านเบเกอรี่ซักแห่ง ลองลิ้มรสครัวซ็องของฝรั่งเศสแบบดั้งเดิมแท้ๆซักชิ้น จิบพร้อมชาหรือกาแฟร้อนๆ น่าจะเป็นอะไรที่ทำให้มื้อเช้ามีสีสันมากขึ้น



3. ปารีส-เบรสท์ 
(Paris-Brest)

ปารีส-เบรสท์ ขนมในตระกูลเดียวกับชูครีม ถือเป็นขนมดั้งเดิมและเป็นที่แพร่หลายในฝรั่งเศส ตัวแป้งจะคล้ายๆกับชูครีม แต่รูปทรงจะคล้ายๆกับวงล้อและมีขนาดที่ใหญ่กว่า ชื่อของขนมมีที่มาจากการแข่งขันปั่นจักรยานเริ่มที่ Paris ไปยังเมือง Brest แล้วกลับไปสิ้นสุดที่ปารีส ปัจจุบันอาจมีการเพิ่มเปลี่ยนแปลงรูปทรงให้ดูมีสีสันหลากหลาย แต่ตัวแป้งแบบชูครีมและตัวไส้จะเป็นhazelnut praline ผสม buttercream ถึงจะเรียกว่าเป็นปารีส-เบรสท์ เรียกได้ว่าเป็นขนมอีกอย่างที่หาทานได้ยากจากที่อื่นๆ




4. บากูเอต (Baguette)

บากูแก็ต หรือที่คนไทยรู้จักกันดีในชื่อขนมปังฝรั่งเศส เรียกว่าแค่ฟังชื่อก็รู้ได้ทันทีว่าต้นกำเนิดมาจากที่ไหน ฝรั่งเศสจึงถือเป็นแห่งรวมบาแก็ตเลิศรสที่ไม่ว่าจะไปร้านไหนก็อร่อยแทบทั้งนั้น แถมรูปทรงของขนมปังชนิดนี้ก็มีเอกลักษณ์มากๆ จากกการมีลักษณะเป็นแท่งยาวๆประมาณ 2 ฟุต เวลาอบใหม่จากเตาจะกรอบนอกนุ่มใน คนฝรั่งเศสส่วนมากจะนิยมเอามาปาดเนย น้ำมันมะกอก กินพร้อมซุป และทำเป็นแซนด์วิช นับว่าเป็นขนมปังที่อยู่คู่มื้ออาหารของฝรั่งเศสเลยทีเดียว



5. กงฟีเป็ด
 (Duck confit)

กงฟีเป็ด เป็นหนึ่งในอาหารยอดนิยมของคนฝรั่งเศส โดยจะนำเอาส่วนน่องของเป็ดมาหมักกับน้ำมันมะกอก เครื่องเทศต่างๆ ปรุงรสด้วยเกลือ เอาอบจนเหลือกรอบแล้วเอานำน้ำมันมาราดให้ท่วม จึงจะทำให้หนังเป็ดบางกรอบแถมหอมเครื่องเทศมากๆ นอกจากจะมีอยู่ในเมนูร้านอาหารของฝรั่งเศสทั่วไปแล้วนั้น ยังมีแบบกระป๋องที่หาซื้อได้ง่ายตามซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำในประเทศฝรั่งเศสอีกด้วย



6. ชีสนม
อาติซานอล (Raw-milk artisanal cheeses)

ชีสนมอาติซานอล เป็นชีสที่ทำจากนมดิบแล้วทำด้วยกรรมวิธีแบบพื้นบ้านดั้งเดิม ซึ่งฝรั่งเศสวัฒนธรรมการกินชีสอย่างแพร่หลาย ทำให้มีชีสหลากหลายประเภทให้เลือก และด้วยกรรมวิธีแบบดั้งเดิมที่สืบทอดกันมาจะยิ่งทำให้มีรสชาติที่นุ่มลึกมากขึ้น  โดยจะมีชีสที่ออกมาเฉพาะแต่ละฤดูให้ได้ลองลิ้มชิมรสอีกด้วย



7. แซนด์วิชแฮม (
Jambon-beurre)

ด้วยความที่ Jambon หมายถึง แฮม และ Beurre หมายถึง เนย แซนด์วิชนี้จึงมีไส้เป็นแฮมปาดเนยแทรกด้วยแตงกว่าดอง แล้วประกบด้วยขนมปังบาแกต ซึ่งแซนด์วิชชนิดนี้ถือว่าได้รับความนิยมมากที่สุดในฝรั่งเศส สามารถหามาลิ้มลองได้ทั้งร้านอาหารระดับพรีเมี่ยมไปจนถึงร้านเล็กๆที่มีอยู่ทั่วมุมเมือง ด้วยขนาดชิ้นโตๆนี่แทบจะกินชิ้นเดียวก็ทำให้อิ่มท้องไปได้อีกนาน ราคาอาจแตกต่างกันไปตามระดับความหรูของร้าน แต่ถ้ากินตอนทำเพิ่งทำออกมาใหม่ๆขนมปังจะไม่เหนียวและอร่อยมากที่สุด



8. เครปฝรั่งเศส 
Street-stand crêpes

เมนูขนมหวานที่อาจดูหน้าธรรมดา แต่รสชาติไม่ธรรมดาอย่างหน้าตา เห็นได้จากร้านขายเครปกระจายอยู่แทบทุกพื้นที่ของฝรั่สเศส เหมือนเป็นการการันตีความนิยมไปในตัว ในประเทศไทยอาจนิยมเครปแป้งบางกรอบ แต่จริงๆแล้วต้นกำเนิดของเครปมาจากฝรั่งเศสในเมือง Bretagne  โดยตัวแป้งของเครปฝรั่งเศสแท้ๆนั้นจะมีความนุ่มนวลไม่กรอบ เดิมทีนิยมกินเครปพร้อมกับน้ำผลไม้ หากปัจจุบันนิยมกินแบบหวานโปะด้วยผลไม้สดหรือช็อกโกแล็ตมากกว่า


สถานที่ท่องเที่ยวใน ปารีส(Paris)



1. มหาวิหารน็อทร์-ดาม
 (Notre-Dame Cathedral)















มหาวิหารน็อทร์-ดาม(Notre-Dame Cathedral) ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ Seineทางฝั่งตะวันออกของกรุงปารีส นับเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่สำคัญแห่งกรุงปารีส เห็นได้จากความนิยมของนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นถึง13 ล้านคนต่อปีโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมโกธิกที่มีความสลับซับซ้อนน่าอัศจรรย์ทั้งภายในและภายนอก ที่นี่ได้รับการบูรณะจากสถาปนิกชื่อดังของฝรังเศสนามว่า “เออแฌน วียอแล-เลอ-ดุก”เพื่อให้คงความงามงามดุจดังเก่าก่อนที่จะเสียหายในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศส  อีกทั้งยังได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในวิหารแบบโกธิกที่ดีที่สุดในโลกอีกด้วย วิหารแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปลายศตวรรษที่ 10 หลายจุดมีรูปปั้นที่งดงามวิจิตรตั้งอยู่ให้เห็นไม่ว่าจะเป็นบริเวณทางเข้าด้านหน้ามีรูปปั้นแกะสลักอย่างลงตัวที่ผสานเข้ากับซุ้มหิน ภายในเป็นเพดานที่ปิดทองสูงตกแต่งอย่างหรูหรา ยิ่งหากต้องการชมวิวทิวทัศน์มุมสูงของเมืองก็ยิ่งเหมาะ เพราะสามารถขึ้นบันไดวิหารมีมีถึง 387ที่สูงพอจะมองเมืองทั้งเมืองได้จากจุดนี้

2. พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (Musee du Louvre)



พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อว่า “The Grand Louvre” ถือเป็นพิพิธภัณฑ์ทางศิลปะมีชื่อเสียงที่สุด เก่าแก่ที่สุด และยิ่งใหญ่อลังการมากที่สุดของโลก เดิมทีที่นี่เป็นพระราชวังหลวงที่พำนักของราชวงศ์ฝรั่งเศสหลายแห่งไปจนถึงหลุยส์ที่ 14 หากปัจจุบันกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงและเก็บรักษาผลงานศิลปะล้ำค่ามากกว่า 35,000 ชิ้น ผลงานที่จัดแสดงมีความหลากหลายตั้งแต่สุสานมัมมี่อียิปต์ไปจนถึงประติมากรรมกรีกโบราณ อีกทั้งยังเป็นสถานที่จัดแสดงผลงานชื่อก้องโลกอย่างภาพเขียนโมนาลิซาทีเป็นผลงานของ เลโอนาร์โด ดาวินชีอีกด้วย ที่นี่มีพื้นที่ทั้งหมด 650,000 ตารางฟุต ด้านหน้ายังมีพีระมิดแก้วขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บริเวณทางเข้าหลักที่ผู้มาเยือนจะต้องผ่านล็อบบี้ใต้ดินที่อยู่ใต้ฐานพีระมิดเพื่อผ่านเข้าไปยังอาคารหลัก เดินต่อไปอีกนิดจะเป็นพีระมิดแกวลักษณะกลับหัวสามารถมองเห็นได้จากใต้ดิน  ภายในถูกตกแต่งอย่างเรียบหรูเต็มไปด้วยผลงานอันทรงคุณค่ามากมายนับไม่ถ้วน ด้วยพื้นที่อันกว้างใหญ่นี้พูดได้ว่าหากจะเดินชมให้หมดทุกซอกทุกมุมคงต้องใช้เวลาเป็นวันๆถึงจะครบ

3. หอไอเฟล (Eiffel Tower)



หอไอเฟล ตั้งอยู่บนช็องเดอมาร์ บริเวณแม่น้ำแซนในกรุงปารีส สัญลักษณ์แห่งฝรั่งเศสอันแสนโด่งดังที่ไม่ว่าใครก็รู้จัก รวมทั้งยังเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ถูกก่อสร้างในงานแสดงสินค้าโลกในปี ค.ศ. 1889 เพื่อฉลองการครบรอบ 100 ปีการปฏิวัติฝรั่งเศส มีความสูง 300 เมตรประมาณตึก 75 ชั้น โดยมีความหมายสื่อถึงความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และความสวยทางศิลปะสถาปัตยกรรมของประเทศฝรั่งเศส หอไอเฟลได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก นอกจากการมาเพื่อเยี่ยมชมสิ่งอันเสมือนสัญลักษณ์ของฝรั่งเศสแล้วนั้น ยังเป็นอีกจุดชมวิวแบบพาโนราม่าของเมืองที่สวยที่สุดของปารีสทั้งยามกลางวันและยามค่ำคืนที่ล้วนมีเสน่ห์ไม่แพ้กัน

4. ย่านเลอ มาเร่ส์ (Le Marais)



ย่านเลอ มาเร่ส์ ที่ได้รับการเรียกขานว่าเป็นย่านที่เก่าแก่มากที่สุดในกรุงปารีส ตามท้องถนนและอาคารบ้านเรือนในละแวกนี้ยังคงให้ความรู้สึกเสมือนฝรั่งเศสในยุคกลาง แม้จะยังคงบรรยากาศและความเก่าแก่ไว้อย่างครบถ้วน หากก็มีการผสมผสานความเจริญไว้อย่าลงตัว ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหารฝรั่งเศสแบบดั้งเดิมร้านเบเกอรี่โฮมเมดตกแต่งเก๋ๆ ร้านแฟชั่นนำสมัยสุดชิค ร้านขายของแนวโบราณสำหรับนักสะสมตังยง แต่เมื่อยามค่ำคืนก็จะมีสถานบันเทิงที่ช่วยเพิ่มความสนุกสีสันให้นักท่องราตรี ที่สำคัญยังสามารถเดินจากถนนเส้นนี้เพื่อเดินทางไปเที่ยวชมหอศิลป์ พิพิธภัณฑ์มากมาย และแหล่งช้อปปิ้งน่าสนใจได้อีกมากมาย

5. มหาวิหารซาเคร-เกอร์ (Sacred Heart Basilica) และย่านมงมาร์ต(Montmartre)



มหาวิหารซาเคร-เกอร์ หรือที่รู้จักกันในนาม มหาวิหารพระหฤทัยแห่งมงมาทร์ ตั้งอยู่ใน
ย่าน Montmartre บนยอดเขาที่สูงที่สุดของกรุงปารีส หรือที่เรียกกันว่า “มงมาร์ต”  ถึงจะเรียกว่ามหาวิหารหากแต่ลักษณะคล้ายกับปราสาทอันโอ่อ่าสีขาวมากว่า อีกทั้งรูปแบบสถาปัตยกรรมการสร้างแบบโรมัน-ไบแซนไทน์ที่ดูวิจิตรบรรจงและมีเอกลักษณ์แตกต่างจากสิ่งก่อสร้างอื่นๆในยุคเดียวกัน ที่นอกจากจะเป็นสถานทีท่องเที่ยวหลักๆของเปารีสแล้วยังนับเป็นอนุสาวรีย์ของทั้งการเมืองและวัฒนธรรม โดยความขาวที่เห็นเกิดจากวัสดุก่อสร้างที่ทำจากหินปูนประเภททราเวอร์ทีนที่ทำให้คงความขาวได้อย่างยาวนานและยังทนต่อภูมิอากาศต่างๆได้อย่างดี ภายในห้องโถงใหญ่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดไฮไลท์ของที่นี่ ซึ่งเป็นภาพวาดบนเพดานแบบโมเสคที่ใหญ่ที่สุดของฝรั่งเศส รวมไปถึงด้านบนสุดที่มีลักษณะเป็นโมที่ เป็นชุดชมวิวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของปารีส

6. พิพิธภัณฑ์ออร์แซ (Musee D’orsay)



พิพิธภัณฑ์ออร์แซ นับเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีการจัดแสดงศิลปะ การออกแบบ และสิ่งทอที่มีความสำคัญของประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส มีความงดงามด้วยสถาปัตยกรรมการสร้างแบบโบซาร์ ไม่เพียงแต่เป็นพิพิธภัณฑ์เท่านั้น หากบริเวณใต้ดินยังคงเป็นส่วนหนึ่งของสถานีรถไฟออร์แซที่ยังใช้สัญจรอยู่ในปัจจุบัน นอกจากจะมีผลงานศิลปะของศิลปินชื่อดัง “อาทิ โกลด มอแน, เอดัวร์ มาแน, แอดการ์ เดอกา, ปีแยร์-โอกุสต์ เรอนัวร์, ปอล เซซาน และฌอร์ฌ-ปีแยร์ เซอรา” บริเวณระเบียงยังสามารถมองเห็นของมหาวิหารซาเคร-เกอร์ ผ่านนาฬิกาโปร่งใสขนาดใหญ่ของพิพิธภัณฑ์ได้อีกด้วย

7. สุสานแปร์ ลาแชส (Père Lachaise Cemetery)



สุสานแปร์ ลาแชส ถือเป็นสุสานใหญ่ที่สุดในกรุงปารีสและมีความสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก อาจเป็นเรื่องแปลกที่สุสานจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวได้ หากที่นี่ไม่เหมือนกับสุสานอื่นๆทั่วไป ด้วยเส้นทางแบบเขาวงกตอันร่มรื่นเต็มไปด้วยความสลับซับซ้อน ตามทางเรียงรายไปด้วยหินแกะสลักอย่างประณีต บริเวณโดยรอบทีมีต้นไม้จำนวนมากจนกลายเป็นพื้นที่สีเขียวที่ใหญ่ที่สุดของปารีส บรรยากาศไม่ได้ให้ความรู้สึกวังเวง แต่ก็มีความเงียบสงบเหมาะสำหรับมาเดินเล่นหรือผ่อนคลายอารมณ์ จนทำให้มีชาวปารีสหรือนักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งนิยมมาเยือนสถานที่แห่งนี้

8. โรงอุปรากรปาแลการ์นีเย (Palais Garnier)



โรงอุปรากรปาแลการ์นีเย หรือที่เรียกกันว่า โรงอุปรากรปารีส ถือเป็นผลงานสถาปัตยกรรมแบบฟื้นฟูบาโรกที่เป็นชิ้นเอกของในยุคปลายทศวรรษที่ 18 การตกแต่งแม้จะให้ความรู้สึกหรูหรา หากก็แฝงไว้ด้วยบรรยากาศภายในมีความลึกลับน่าค้นหาเสมือนหลงเข้ามาในบทประพันธ์เรื่อง Phantom of the Opera ปัจจุบันยังคงมีการแสดงบัลเล่ต์หรือโอเปร่า ซึ่งถ้าต้องการเที่ยวชมแบบมีไกด์นำเที่ยวที่นี่ก็มีบริการในช่วงเวลา 11:00 – 14:00 น.

9. สวนและพระราชวัง ลุกซ็องบูร์ (Luxembourg Gardens and Palace)



สวนลุกซ็องบูร์ หรือที่รู้จักกันในชื่อฝรั่งเศสว่า ชาร์แดง ดู ลุกซ็องบูร์ ถือเป็นสวนสาธารณะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่สองของปารีส มีพื้นที่กว้างถึง  61 เอเคอร์ ชาวเมืองส่วนมากมักจะมาใช้เวลาวันหยุดในการทำกิจกรรมครอบครัว ปิกนิก ผักผ่อน ไปจนถึงถึงการอาบแดด ภายในนอกจากความร่มรื่นของต้นไม้จำนวนมากแล้วยังมีการประดับประดาด้วยรูปประติมากรรม 106 ชิ้น นอกจากนี้ภายในสวนยังมีอาคารพระราชวังลุกช็องบูร์ที่สวยงามอยู่ด้วย

10. ประตูชัยฝรั่งเศส (Arc de Triomphe)



ประตูชัยฝรั่งเศส หรือที่รู้จักกันในชื่อฝรั่งเศสว่า อาร์กเดอทรียงฟ์เดอเลตวล ตั้งอยู่กลางจัตุรัสชาร์ล เดอ โกล ทางทิศตะวันตกของช็องเซลีเซ ถือเป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญในกรุงปารีส สร้างขึ้นเป็นการสดุดีเหล่าทหารกล้าที่ได้ร่วมรบเพื่อประเทศฝรั่งเศส ได้การขนานนามว่าเป็นซุ้มประตูที่มีความงดงามประดับด้วยผลงานแกะสลักอันสุดแสนจะอ่อนช้อยและยังได้รับการยอมรับว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในโลก อีกทั้งยังสามารถขึ้นไปด้านบนเพื่อชมวิวเมืองปารีสแบบพาโนราม่

11. ศูนย์ศิลปะและวัฒนธรรมแห่งชาติฌอร์ฌ ปงปีดู (Centre Pompidou)



ศูนย์ศิลปะและวัฒนธรรมแห่งชาติฌอร์ฌ ปงปีดู หรือที่นิยมเรียกอีกชื่อสั้นๆว่า ศูนย์ฌอร์ฌ ปงปีดู ตั้งอยู่ในย่านโบบูร์ ได้รับการออกแบบตามสถาปัตยกรรมรูปแบบนวัตกรรมเชิงไฮเทคที่จะเน้นโชว์โครงสร้างเหล็ก ดูเปลือยๆสไตล์ลอฟท์ จากสถาปนิกเจ้าของรางวัลพริตซ์เกอร์ ภายในประกอบด้วยหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็น ห้องสมุดสารสนเทศสาธารณะขนาดใหญ่ และพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่แห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดของยุโรป เก็บรวบรวมงานศิลปะมากกว่า 100,000 ชิ้น หากต้องการหาสถานที่สำหรับนั่งพักผ่อนก็ยังมีห้องอาหารบนชั้นดาดฟ้า ที่สามารถลิ้มรสอาหารอร่อยๆไปพร้อมๆกับชมวิวทิวทัศน์ได้ในเวลาเดียวกัน

12. พระราชวังแวร์ซาย (Versailles Palace)



พระราชวังแวร์ซาย
 
 ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของปารีส ถือเป็นพระราชวังที่ได้รับการยอมรับว่ายิ่งใหญ่และงดงามมาที่สุดแห่งหนึ่งของโลก รวมทั้งยังได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมจากยูเนสโก ไม่ว่าจะสถาปัตยกรรมด้านนอกและภายในที่ตกแต่งอย่างหรูหราตระการตา มีห้องจำนวนมากถึง 700 ห้อง ภาพวาดอันล้ำค่า 6,123 ภาพ และงานแกะสลักที่ประดับตกแต่งอย่างสวยงาม 15,034 ชิ้น นอกจากนี้สวนในพระราชวังแวร์ซายยังมีความงดงามด้วยพืชสวนนานาพันธุ์ที่มีเสน่ห์แตกต่างกันไปในทุกๆฤดู

13. พิพิธภัณฑ์รอแด็ง (Musée Rodin)



พิพิธภัณฑ์รอแด็ง 
รียกได้ว่าเป็นอัญมณีที่หลบซ่อนอยู่ของเมือง Musée Rodin เดิมทีเป็นที่พำนักของนักประดิษฐ์ Auguste Rodin ที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างมากในศตวรรษที่ 19 ปัจจุบันเป็นสถานที่จัดแสดงผลงานประติมากรรมและภาพวาดของศิลปินกว่า 7,000 ภาพ อีกทั้งยังมีการจัดแสดงคอลเลกชันงานศิลปะส่วนตัวของโรบิน รวมทั้งภาพวาดของศิลปินชื่อก้องโลกอย่างแวนโก๊ะ ด้านนอกมีรูปแบบการสร้างสไตล์คฤหาสน์ฝรั่งเศสยุคโบราณ รอบๆมีสวนดอกไม้สวยๆพาให้รู้สึกสดชื่น มีการตกแต่งสวนตามจุดต่างๆด้วยประติมากรรมอันงดงาม โดยเฉพาะรูปปั้นชื่อดัง “คนครุ่นคิด” ทำการจากหินอ่อนที่เป็นรูปชายนั่งคิดที่ถูกนำมาเป็นสัญลักษณ์เชิงปรัชญา ด้านหลังมีทะเลสาบขนาดเล็กที่มีร้านอาหารเก๋ไว้ให้นั่งพักกันสบายๆ

14. สุสานใต้ดิน คาตาคอมส์ ออฟ ปารีส (Paris Catacombs)



สุสานใต้ดิน คาตาคอมส์ ออฟ ปารีส ถือเป็นสุสานที่ถูกสร้างบริเวณใต้ดินลึกถึง 65 ฟุต สร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 18 เพื่อใช้เก็บศพไว้ เนื่องจากในอดีตช่วงที่ประชากรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วพอๆกับจำนวนคนตาย ทำให้พื้นที่สุสานไม่เพียงพอ จึงมีการสร้างสุสานที่ใต้ดินเพื่อให้เพียงพอกับอัตราการตายที่เพิ่มสูงขึ้นตามลำดับ ภายในให้ความรูสึกเงียบๆวังเวงๆ ทั้งกำแพงอุโมงค์ และรอบๆเต็มไปด้วยกะโหลก โครงกระดูกจำนวนกว่า 6 ล้านชิ้น พาให้อกสั่นขวัญหาย หากก็ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่แปลกแตกต่าง โดยเฉพาะคนที่ใจแข็งที่ต้องการท้าทายตัวเอง

15. ถนนช็องเซลีเซ (Champs-Élysées)



ช็องเซลีเซ ถนนช็อปปิ้งชื่อดังของฝรั่งเศสและได้รับการขนานนามว่างดงามที่สุดในโลก สองข้างทางเรียงรายไปด้านร้านอาหาร ร้านแบรนด์เนมชื่อดัง และคาเฟ่ขนมหวานขึ้นชื่อของปารีส แต่ละที่ล้วนมีการตกแต่งอย่างมีสไตล์ เรียกได้ว่าที่นี่มีครบทุกอย่างที่ต้องการ ถือเป็นสวรรค์ของนักช็อปปิ้งเลยทีเดียว บรรยากาศคึกคักทั้งกลางวันและยามค่ำคืน จนกลายมาเป็นถนนที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน

ประวัติการทำงาน

 ประวัติการทำงาน


บริษัท Yusen Logistics 

500/122 ม.3 ตำบล ตาสิทธิ์ อำเภอ ปลวกแดง จังหวัด ระยอง


แผนก: Warehouse/Loading


ปัจจุบันทำงานอยู่ที่ บริษัท DSV Solutions 


 44/5 หมู่ 7 คลังสินค้าโชติธนวัฒน์​ 5

ต.เขาคันทรง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี 20110 


ตำแหน่ง: customs assistant




ประวัติการศึกษา

 ประวัติการศึกษา


ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 

โรงเรียนบ้านกุดแห่



ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 

โรงเรียนทุ่งศุขลาพิทยา ''กรุงไทยอนุเคราะห์''

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6

โรงเรียนนาวังศึกษาวิช

ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ที่ 

วิทยาลัยเทคโนโลยีอีอีซี เอ็นจิเนีย แหลมฉบัง - เทคโนแหลมฉบัง
















ประวัติส่วนตัว

ประวัติส่วนตัว




ชื่อ-สกุล  นางสาวกัลยกร แดนโคตรผม ชื่อเล่น: ทับทิม

วัน/เดือน/ปีเกิด : 27 กุมภาพันธ์ 2545 อายุ 20 ปี

ระดับชั้น ปวส.2 สาขาการจัดการโลจิสติกส์ 

Mobile: 080-196-4824

E-mail: kanyakorntabttim@gmail.com

ของกินห้ามพลาดของปารีส

  1. มาการง  (Macarons) มาการงขนมหวานที่มีต้นกำเนิดอยู่ที่ฝรั่งเศส แล้วกลายเป็นขนมยอดนิยมของคนทั่วโลก ลักษณะคล้ายๆกับคุกกี้ แต่มีความเบา กรอ...